วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อันตรายจากโทรศัพท์มือถือ


      คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า  ที่ถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก ต่างๆ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณของเครื่องโทรศัพท์มือถือ ระบบใหม่ๆ กำลังทำอันตรายคุณอย่างเงียบๆ......






 Dr.Om Ghandhi แห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ กล่าวว่า เนื้อสมองของเด็กวัย 5-10 ขวบ ซึ่งยังอ่อนอยู่ จะถูกสัญญาณของคลื่น WiFi ทะลุทะลวงได้มากกว่าสมองของผู้ใหญ่


 สัญญาณ Wi-Fi มีผลต่อทารกในครรภ์มารดา ซึ่งรายงานนี้ได้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ ที่มีชื่อว่า the Australasian Journal of Clinical Environmental Medicine
       
       โดยรายงานนี้ได้ระบุว่า สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยจากอุปกรณ์ที่มีสัญญาณ Wi-Fi เป็นสาเหตุให้เกิดการจับตัวกันของธาตุโลหะในเซลล์สมอง ซึ่งการสะสมนี้จะทำให้เกิดอาการออทิสติกอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าสัญญาณ WiFi เป็นอันตรายกับเด็ก เพราะสัญญาณที่ส่งออกไปทำให้เซลล์ในร่างกายหยุดการทำงาน ทำให้ไม่สามารถหายใจได้สะดวก และทำให้ดีเอ็นเอภายในร่างกายถูกทำลายและทำงานไม่เป็นปกติหลังจากได้รับไปเป็นเวลานาน และคลื่นเหล่านี้ถูกค้นพบว่าทำให้มีผลต่อเม็ดเลือดขาว ซึ่งอาจทำให้เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว
      
       ในปัจจุบันโรงเรียนประถมเซนต์วินเซนต์ยูเฟรเซีย ใน Meaford ออนตาริโอ ของแคนาดา ได้ห้ามไม่ให้มีระบบสัญญาณ Wi-Fi ในโรงเรียนระดับอนุบาลและประถมต้น เช่นเดียวกับบางโรงเรียนอนุบาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และรัสเซีย เนื่องจากมีผลการวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า คลื่นความถี่ของระบบสัญญาณ WiFi ที่มีความเข้มข้นนั้นอาจมีผลเสียต่อพัฒนาการและอาจทำให้เกิดเนื้องอกในสมองของเด็กได้
      
       การมีคลื่นสัญญาณ WiFi ใช้สร้างประโยชน์ให้กับเราอย่างมากมาย ทั้งเรื่องการติดต่อสื่อสาร การค้นคว้าข้อมูลเพื่อการศึกษา การทำธุรกิจการค้า ฯลฯ แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่มีแต่ประโยชน์และไม่มีโทษร่วมด้วย
      ดังนั้นจึงควรใช้มันอย่างฉลาด รู้จักควบคุมการใช้ของตัวเอง เช่นการไม่ใช้นานเกินไปในแต่ละวัน หรือใช้เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้นก็พอ ซึ่งนอกจากสัญญาณ WiFi แล้ว ยังรวมถึงการใช้ไมโครเวฟ และโทรศัพท์มือถือด้วยที่มีผลเสียต่อร่างกายได้ถ้าใช้อย่างไม่ระวังหรือมากเกินไป ด้วยรักและห่วงใย ป้องกันไว้ดีกว่าแก้กันเถอะ

      
      
 ข้อมูลอ้างอิง http://www.earthcalm.com/lp-children-and-emfs/wi-fi-health-risks-and-children/
        ดร.แพง ชินพงศ์ ข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์


พลังธรรมชาติ พลังชีวิต



           โลก ที่เราอาศัยอยู่นี้คือ แท่งแม่เหล็ก  ขนาดใหญ่

      การดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์บนโลกใบนี้  มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า..       " พลังธรรมชาติ "  เข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญมาก ซึ่งพลังธรรมชาตินี้ สามารถทำให้ตัวตนของเรากลับมารู้สึกสดชื่น แข็งแรง มีพลัง สมองปลอดโปล่ง ขึ้นได้อย่างรวดเร็ว  พลังธรรมชาตินี้มาจากไหนและเราจะสัมผัสได้อย่างไรขอเชิญติดตามได้ดังต่อไปนี้...

ลำดับแรก..ขอให้เริ่มทำความเข้าใจตามไปว่า...โลกกลม ที่เราอาศัยอยู่ใบนี้มีสภาพเป็นดังแท่งแม่เหล็ก  แล้วตัวมนุษย์เราเองนั้นใช้ชีวิตอยู่บนพื้นผิวโลกที่เต็มไปด้วย  "..สนามแม่เหล็กโลก.."





  เราทราบว่าโลกหมุนรอบตัวเองแต่ อะไรเล่าที่ทำให้โลกหมุน   
คำตอบคือ  เนื่องจากที่แกนกลางของโลก ยังมีสภาพเป็นหินร้อนที่หลอมเหลวอยู่  (ลาวา ) ซึ่งส่วนนี้จะไม่ได้หมุนไปพร้อมๆกันกับส่วนที่เป็นผิวโลก หรือเปลือกโลก ลักษณะเช่นนีจึงทำให้เกิดภาวะกระแสแม่เหล็กโลกขึ้นนั้นเอง 
 ส่วน ความเร็วที่โลกหมุนรอบตัวเองนั้นเร็วถึง 1,700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ! จึงส่งแรงกระทำต่อกันเกิดเป็นแรงแม่เหล็กโลกขึ้น แต่มนุษย์บนโลกกลับไม่รู้สึกเลยว่าโลกกำลังหมุนอยู่













ร่างกายของเรา มีกระแสไฟฟ้าอยู่ และก็มีสนามแม่เหล็กด้วย

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า สมองและหัวใจ ของมนุษย์เราก็สร้างสนามคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา











   จิตแพทย์ชาวออสเตรีย  นายแพทย์..ฮานส์ เบอร์เกอร์    เป็นผู้ค้นพบคลื่นสมองในปี 2451 ด้วยการใช้เครื่องมือที่วัดคลื่นสมองเรียกว่า EEG (Electro Encephalogram) วัดคลื่นสมองและแบ่งคลื่นสมองออกเป็น 4 ระดับคือ
 1. คลื่นเบต้า (Beta Wave )  2. คลื่นอัลฟา (Alpha Wave) 3. คลื่นธีต้า (Theta) 4. คลื่นเดลต้า (Delta)
ในการนั่ง สมาธิ แล้วจิตสงบนิ่งคลื่นสมองจะอยู่ในระดับต่ำคือระดับอัลฟา ถึง ธีต้า  



  






     วิลเลม ไอน์โธเฟน (Willem Einthoven) ชาวเนเธอร์แลนด์  ผู้ค้นพบเกี่ยวกับกลไกของคลื่นไฟฟ้า หัวใจ (electrocardiogram)และได้รับรางวัลโนเบลในปี 1924


นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียค้นพบว่าสาเหตุสำคัญของความแก่ชราและการตายของมนุษย์เกิดจากการขาดประกอบ ATP   ( Adenosine Triphosphates )  เป็นพลังงานที่พบได้ในเซลล์สิ่งมีชีวิต ATP จะนำพลังงานเคมีภายในเซลล์มาใช้สำหรับการเผาผลาญ  เป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายต้องการเพื่อให้อยู่รอด และช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต 
  ส่วน นักชีววิทยาชาวอเมริกัน ค้นพบว่าพลังงานประจุไฟฟ้าลบสามารถกระตุ้นให้เกิดเอนไซม์ ATP และ องค์ประกอบของ ATP จะเห็นว่าในแต่ละเยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกายมนุษย์จะมีพลังงานไฟฟ้าสูงถึง 30-40 ไมโครโวลต์ และในคน 1 คน มีเซลล์มากถึง 6 แสนล้านเซลล์ดังนั้นจึงมีพลังงานประจุกระแสไฟฟ้าในร่างกายอย่างมากมายนับไม่ถ้วนทีเดียว มีการประมาณกันไว้ว่า พลังงานประจุไฟฟ้าในเยื่อหุ้มเซลล์ ของเด็กจะมีประมาณ 70-90 ล้านโวลต์ ผู้สูงอายุมีต่ำกว่า 60 ล้านโวลต์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีพลังงานประจุไฟฟ้าประมาณ 15 ล้านโวลต์ และเมื่อเซลล์ตายพลังงานประจุไฟฟ้าจะเท่ากับ 0 โวลต์




วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีใช้ เกลือหิมาลายัน









 การใช้เกลือหิมาลายันในชีวิตประจำวัน


ใช้แปรงฟัน   จะเห็นได้ว่า ยาสีฟัน หลายยี่ห้อ มีสูตรที่ใช้เกลือเป็นส่วนผสม  เนื่องจากในสมัยอดีตที่ยังไม่มีการผลิตยาสีฟันนั้น มนุษย์ใช้เกลือเพื่อทำความสะอาดปากและฟัน มาเป็นเวลานานแล้ว   
แต่การนำเม็ดมาเกลือแปรงฟันโดยตรงจะเกิดผลเสียตรงที่จะทำให้ ผิวฟันถูกขูดจนบางลง
ส่วนการใช้น้ำเกลือ โซเล แปรงฟัน ก็จะขจัดปัญหาข้างต้นไปได้ มีวิธีดังนี้
ใช้น้ำเกลือหิมาลายัน เข้มข้นประมาณ 1- 2 ช้อนชาผสมน้ำ1แก้ว ใช้แปรงฟัน ทำให้ฟันสะอาด และแข็งแรงมากขึ้น                       การแช่แปรงสีฟันในน้ำผสมเกลือ จะทำให้ขนแปรง นิ่ม และสะอาดขึ้น

การอมน้ำเกลือ มีประโยชน์ดังนี้
ช่วยทำให้ เหงือก แข็งแรง และช่องปากสะอาด
ช่วยให้ฟันขาว สะอาด
ช่วยให้ฟันแข็งแรง ไม่สึกกร่อน
ช่วยลดอาการเสียวฟัน   
ช่วยลดอาการปวดฟัน
ช่วยขจัดกลิ่นปาก

รักษาแผลในปาก แผลร้อนใน  ใช้น้ำเกลือโซเล ผสมน้ำ หรือใช้เกลือชนิดเม็ด ละลายน้ำอมเพื่อรักษาแผลในปากช่วยให้แผลหายเร็ว หรือผสมน้ำเกลือกับน้ำโซดา แล้วใช้บ้วนปากจะช่วยขจัดกลิ่นปากได้ นอกจากนั้นแล้วยังช่วยลดปัญหาการเกิดโรคและอาการในช่องปาก เช่น ฟันกร่อน เสียวฟัน ได้ดีอีกด้วย
เกลือโซเล : เทน้ำลงไปในขวดเกลือผสมกันเกลือจะละลายเป็นน้ำเกลือเข้มข้น( โซเล ) 


เกลือหิมาลายัน ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ทั้งการรักษาอาการต่าง ๆ

ลดอาการแสบ คันผิว   ผิวหนังแพ้ สารเคมี  แพ้พืช แพ้ แมลง   เมื่อเกิดอาการแพ้ตามผิวหนัง แพ้เครื่องสำอาง  แพ้คันจากสัมผัสถูกเกสรต้นไม้   น้ำเกลือโซเล ผสมน้ำ ใช้เกลือผสมน้ำ เข้มข้น แล้วทาบริเวณที่คัน สามารถจะช่วยบรรเทาอาการได้ 
ใช้หลังจากการว่ายน้ำ  เพื่อล้างคอรีน  เกลือหิมาลายัน 3-5 ช้อน ผสมน้ำอาบ ช่วยชะล้างสารคลอรีนในสระว่ายน้ำ ที่ติดตัวอยู่บนผิวออกได้เป็นอย่างดี ในขณะที่เจลอาบน้ำ หรือสบู่ ไม่สามารถล้างได้หมด  สามารถใช้ คอรีนออกจากเส้นผมได้เป็นอย่างดี  

เกลือหิมาลายันยังให้ความรู้สึกนุ่มนวลต่อผิวกายหลังจากใช้ ซึ่งจะแตกต่างจากการใช้เกลือแกงซึ่งจะรู้สึกเหนียวตัวหากล้างไม่หมดและทำให้ผิวแห้งอีกด้วย 
ใช้ผสมน้ำอาบและแช่ตัว  ถ้ารู้สึกสมองไม่แจ่มใส ใช้เกลือผสมน้ำอุ่นแล้วใช้อาบ จะรู้สึกสบาย สมองปลอดโปร่ง และยังช่วยบำรุงผิวด้วย
ช่วยลดอาการเผ็ด จากการรับประทานอาหารรสจัด เมื่อรู้สึกเผ็ด ให้บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ และอมน้ำเกลือไว้ในปากซัก จะช่วยสลายฤิทธิ์ความเผ็ดลงได้ซึ่งเร็วกว่าการบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าว หรืออมน้ำแข็ง
บรรเทาอาการไอ อาการเจ็บคอ  เมื่อมีอาการไอมากๆ  ใช้น้ำเกลือโซเล ผสมน้ำ หรือใช้เกลือชนิดเม็ดมาละลายลงในน้ำ แล้วใช้ กลั้วคอ ล้างคอ ทำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้ง สามารถขจัดเสมหะ อาการไอ บรรเทาอาการเจ็บคอได้
บรรเทาอาการคอแห้ง         ใช้น้ำเกลือโซเล ผสมน้ำ หรือใช้เกลือชนิดเม็ดมาละลายลงในน้ำ จิบกลั้วคอ ทีละน้อยๆก็จะรู้สึกชุ่มลำคอ 
จมูกอักเสบ คัด น้ำมูกไหลไม่หยุด จมุกอักเสบเรื้อรัง   ใช้น้ำเกลือโซเล ผสมน้ำ หรือใช้เกลือชนิดเม็ดมาละลายลงในน้ำ   ใช้ร่วมกับกาล้างจมูก เอกะ ล้างทำความสะอาดโพรงจมูก ฆ่าเชื้อ ระงับการอักเสบ
เมื่อมีอาการ ตาแดง มีอาการบวมแดง  ใช้น้ำเกลือโซเล ผสมน้ำ 1ต่อ 10 ส่วน หรือใช้เกลือชนิดเม็ดมาละลายลงในน้ำ ให้เจือจาง ใช้ล้างตาอาจมีอาการแสบบ้างก็ทนสักครู่ จะรู้สึกดีขึ้น
ใช้ล้างพิษ เร่งให้อาเจียน หากกินอาหารมีพิษ ดื่มสุราเกินขนาด อาหารไม่ย่อย ท้องไส้ปั่นป่วน ให้ดื่มน้ำเกลือเข้มข้น จะทำให้อาเจียนออกมา
ช่วยการขับถ่าย  การดื่มน้ำเกลือโซเล ½ ช้อนชา ผสมน้ำ1แก้วดื่มขณะท้องว่าง หลังจากตื่นนอนเป็นประจำทุกวันช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
การแช่มือ  ใช้เกลือหิมาลายันผสมน้ำอุ่นแช่มือ เป็นประจำเพื่อรักษา อาการมือชา นิ้วล็อค มือเกร็ง





การใช้เกลือ ประกอบอาหาร    



1.ใช้เกลือสำหรับดองผัก ผลไม้ใส่เนื้อเพื่อทำเนื้อเค็มเพื่อเป็นการถนอมอาหารไว้รับประทานได้นาน
2.ใส่เกลือผสมน้ำส้มสายชูดองผักให้ได้รสเปรี้ยว
3.ถ้าจะเก็บน้ำพริกเครื่องแกงเอาไว้ให้นานให้ใส่เกลือจะช่วยไม่ให้เครื่องแกงบูดเสียเร็ว
4.โขลกเกลือกับพริกแห้งก่อนใส่เครื่องแกงจะทำให้โขลกละเอียดเร็วขึ้น
5.โรยเกลือป่นบนมือหลังจากปอกหัวหอมหรือหลังจากทำปลากลิ่นจะหมดไป
6.ผสมเกลือในน้ำล้างผักเพื่อฆ่าเชื้อโรค
7.โรยเกลือป่นเล็กน้อยบนเตาไฟเพื่อช่วยให้ไม่ให้มีเขม่าดำ
8.โรยเกลือป่นเล้กน้อยลงบนกระทะเมื่อทอดปลาหมู เนื้อ ไก่ จะทำให้อาหารไม่ติดกระทะ
9.ใส่เกลือในผักต้มจะทำให้ผักมีสีเขียว
10.ถ้าใส่เกลือป่นเล็กน้อยในจานผลไม้แตงโมมะละกอ สัปะรด สตอเบอรี่ จะทำให้รสผลไม้หวานขึ้น
11.ใช้เกลือทำน้ำปลา กะปิปลาร้า ทำปลาเค็มและเนื้อสัตว์ ทุกชนิดที่จะทำให้แห้งเก็บไว้รับประทานนาน
12.ใส่เกลือในน้ำผลไม้คั้นที่มีรสเปรี้ยวจะทำให้มีรสอร่อย
13.จะเก็บมะขาม เปียกไว้ให้ทนนานไม่ให้ดำ และไม่มีหนอนให้โรยเกลือเม็ดให้ทั่ว เก็บไว้ภาชนะที่มีฝาปิด
14.เขียงที่ทำปลาสดเหม็นคาวให้โรยเกลือป่นจนทั่วแล้วล้างให้สะอาด จะทำให้เขียงหายเหม็นคาว หม้อ กระทะ ที่เหม็นคาวเมื่อจะนำมาประกอบอาหารให้ใช้เกลือป่นโรยแล้วล้างจะช่วยให้หม้อกระทะหายเหม็นคาว
15.เวลาต้มไข่ใส่เกลือเล็กน้อยจะช่วยให้ปอกเปลือกล่อน
16.เวลาปั่นไอศกรีมใส่เกลือเม็ดในน้ำแข็งส่วนผสมที่ทำไอศกรีมไม่แข็งตัวเลย
17.ใช้เกลือสำหรับทำไข่เค็มและไข่เยี่ยวม้า
18.ต้มมะละใบขี้เหล็กลวกสะเดาใส่เกลือเล็กน้อยช่วยให้ความขมหายไป
19.มะม่วงกวน กล้วยกวนใส่เกลือป่น 1 ช้อนชา ช่วยให้ขนมที่กวนมีรสหวานอร่อย และช่วยอยู่นานหลายวันไม่เสีย
20.นึ่งปลาโรยเกลือเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เนื้อปลายุ่ยไม่เหม็นคาว
21.ส่วนผสมของขนมปัง คุกกี้ ปลาท่องโก๋ใส่เกลือผสมเล็กน้อย
22.น้ำเกลือแช่ผักที่มียาง จะช่วยทำให้ยางละลายออกหมด
23.
ยืดอายุชีส หากมีชีสเหลืออยู่จากการทำอาหาร วิธีที่ทำให้วันหมดอายุของชีสยืดออกไปอีก ก็คือการนำชีสมาแช่ด้วยน้ำเกลือ ก่อนที่จะนำไปแช่เก็บไว้ในตู้เย็นต่อไป
24.ต้มผักควรเหยาะเกลือเล็กน้อยถ้าผักที่มีสีเขียวควรเปิดฝาต้มต้มหน่อไม้ควรปิดฝา
25.เอามือเเตะเกลือป่นก่อนทำปลาสดทำให้จับปลาได้ถนัดมือ
26.ตีไข่ขาวให้ฟูอย่างรวดเร็วใส่เกลือ 1/2 ช้อนชา
27.คั่วพริกขี้หนูแห้งใส่เกลือป่น 1 ช้อนชาจะทำให้ไม่ให้มีกลิ่นฉุน
28.ใส่เกลือเล็กน้อยในแป้งสาลี ที่นวดทำขนมทำให้แป้งยืดหยุ่นนุ่มนวล
29.โรยเกลือป่นเหนือตัวปลาก่อนย่างทำให้เนื้อปลาแข็ง
30.ล้างปลาหมึกด้วยน้ำเกลือจะทำให้ปลาหมึกขาวสะอาดและมีรสดี
31.กาแฟที่มีรสขมจัดใส่เกลือเล็กน้อยจะไม่ขม
32.มีดทำครัวเป็นสนิมใช้เกลือถูเช็ดให้แห้งมีดจะหายเป็นสนิม
33.ต้องการให้เนื้อสดที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งละลายเร็วขึ้นใส่เกลือแช่ไว้สักครู่จะช่วยละลายน้ำแข็งออกอย่างรวดเร็ว
34.โถส้วมถ้าเทน้ำไม่ลงใส่เกลือเม็ด 1 กำมือ เพื่อให้เทน้ำลง
35.ซักผ้าม่านไหมให้นุ่มแช่ลงในน้ำ 1 แกนลอนผสมเกลือป่นก่อนนำไปซักตามแบบธรรมดา 

คำแนะนำ ;ปริมาณเกลือที่เหมาะสมต่อการบริโภค
สำนักงานมาตรฐานอาหาร (Food Standards Agency - FSA)
ประเทศอังกฤษปริมาณแนะนำที่ให้บริโภคเกลือในแต่ละวันไม่ควรเกิน 6 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา)
1 กรัม = 1000 มิลลิกรัม (milligram, mg)
1 ช้อนชา ประมาณ 5 กรัม  5000 mg

Facebook.com/akawellness




วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แสงออร่า Aura color



















แสงออร่า      
      หากคุณเคยได้ยินโฆษณาผลิตภัณท์ ดูแลผิวพรรณ ที่บอกว่าใช้แล้วจะมีประกายออร่า เปล่งออกมา แล้วบางคนอาจจะสงสัยว่า ประกายแสง ออร่า คืออะไร 
     ออร่าเป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายปล่อยออกมา คลื่นนี้ก็เป็นความร้อนด้วยส่วนหนึ่งเหมือนที่เคยเห็นในหนังว่ามีการใช้กล่องส่องตรวจหา คนร้ายที่อยู่ในที่มืดแล้วในกล้องก็จะเห็นตัวคนที่ซ่อนอยู่ในความมือเป็นแสงสีเขียวๆนั่นหละ คือส่วนหนึ่งของคลื่นออร่า
     ในทางวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ออร่า    คือสนามพลังงานไฟฟ้าชีวภาพ ที่ร่างกายปล่อยออกมาอยู่รอบๆตัวเรา ซึ่งเกิดจาก แรงสั่นสะเทือนของความถี่ในเซลล์สมองส่วนที่เรียกว่า เท็มปอรัล และทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก ที่มี คลื่นความถี่เข้มข้นสูง คลื่นไฟฟ้าในสมองมีระดับต่าง ๆ คือ คลื่น เบดา อัลฟา เตตรา เดลตา และคอสมิก เราสามารถทำการตรวจวัด ถ่ายภาพโดยกล้องชนิดพิเศษ เพื่อหาค่าและ วิเคราะห์หาความหมายของคลื่นพลังงานนี้ได้   
      การถ่ายภาพ ออร่า จะสามารถแปลความหมายของแสงสีต่างๆที่แสดงแสดงออกมาบนภาพว่าคนผู้นั้นมี สภาพทางจิตใจ เป็นอย่างไร บอกได้ว่าระบบการทำงานในส่วนต่างๆของอวัยวะสำคัญคือ หัวใจ ตับ ไต ม้าม ปอด ทำงานปกติดีหรือไม่  ซึ่งคนป่วย คนที่สุขภาพไม่ค่อยดีภาพถ่าย  ออร่าของเขาก็จะมีสีที่แสดงออกมาดูแล้วไม่สว่างและดูหม่นหมอง  
     รัศมีหรือแสงออร่าที่เปล่งประกายสวยงามได้นั้นจะเกิดจาก การมีสุขภาพร่างกายที่ปกติดี และจิตใจที่สงบ มีสภาวะสมดุลย    ภาพออร่าของคนเดียวกัน ที่ถูกถ่ายออกมาจะแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาที่ถ่ายภาพ สีสันของภาพจะเปลี่ยนไปบางครั้งเป็นโทนสีฟ้าทั้งภาพ (หมายถึง ความสงบ ) บางครั้งก็ได้เป็นโทนสีแดง ( หมายถึงใช้พลังงานมาก )ตามสภาวะที่เป็นอยู่ในขณะนั้น  
  ส่วนที่มีประโยชน์อีกส่วนหนึ่งคือสามารถบอกถึงความเจ็บป่วยโรคภัยที่เป็นอยู่ หรือเริ่มส่งสัญญานว่าไม่ค่อยดีแล้วนะหัวใจทำงานหนักไปแล้ว ซึ่งก็จะได้หาทางป้องกันเสียก่อนที่จะเป็นอันตราย  
  ดังนั้นครีมทาผิวคงจะไม่สามารถช่วยให้ ออร่า ของคุณเปล่งประกายขึ้นได้ หากไม่ดูแลสุขภาพให้ดีเสียก่อน

ภาพ จากเครื่องถ่ายภาพ ออร่า รุ่นเก่าจะได้ภาพลักษณะตามตัวอย่างนี้ การแปลผลจะแปลตามลักษณะของสีที่เกิดขึ้น มาบนรูป


ภาพจาก เครื่องถ่ายภาพออร่า รุ่นหลังๆมานี้จะมีกราฟแสดงผล ให้เห็นชัดเจนช่วยให้การแปลผลสะดวกขึ้น
จากประสบการณ์ที่เคยได้ถ่ายภาพออร่า มาแล้วหลายครั้ง พบว่าส่วนที่สำคัญคือผู้ที่จะแปลผลของภาพถ่ายออร่านั้น มีความสำคัญที่สุด คือจะต้องมีความรู้จริงๆจึงจะสามารถอธิบายได้อย่างถูกต้องและได้ประโยชน์   
      ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือการถ่ายภาพ ออร่านั้นใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็ได้ผลออกมาแล้ว ไม่ต้องเจาะเลือด ตรวจปัสสวะ ดังนั้นจึงมีผู้นิยมนำมามาใช้เป็นอุปกรณ์ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ที่ใช้ในศูนย์สุขภาพ สปา ฟิตเนส เพื่อตรวจวัดออร่า เปรียบเทียบผล ก่อนและหลัง การบำบัด ต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่าการบำบัดนั้นให้ผลดีขึ้นจริงหรือไม่ 


ภาพถ่าย ออร่า ของผู้เขียนเอง 

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ถ้ำเกลือ






ถ้ำเกลือเอกะหิมาลายัน     

ถ้ำหินเกลือสีชมภูแห่งแรกในระเทศไทย


     ออกแบบและสร้างขึ้นจาก ก้อนหินเกลือหิมาลายันที่มีอายุกว่า 250 ล้านปี จำนวนนับพันก้อนที่นำมาจากเทือกเขาหิมาลัย ประเทศปากีสถาน ก่อสร้างจัดเรียงหินอย่างประณีตสวยงาม ตั้งแต่พื้นห้องจรดเพดาน เพื่อต้อนรับลูกค้าให้ได้เข้าไปรับบริการโดยท่านจะสามารถนั่งพักอย่างสบายๆ สัมผัสถึงบรรยากาศความสงบและความรู้สึกผ่อนคลาย  ความสวยงามแปลกตาจากลวดลาย และสีสันของผลึกหินเกลือหิมาลายัน ที่ไม่สามารถพบเห็นได้จากที่อื่นๆ  พร้อมรับพลังบำบัดของประจุไอออนลบ จากหินเกลือที่ปล่อยออกมา  
       เกลือหิมาลายันสีชมพู ( Pink Salt )   เกลือชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถปล่อยประจุไอออนลบ ( คลื่นไฟฟ้าอ่อนๆ ที่ผลึกเกลือมีอยู่ ) ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ในการ ช่วยขจัดเชื้อโรคในอากาศและสามารถกำจัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมที่สะสมอยู่ในร่างกายอันเป็นสาเหตุให้เกิดอาการอ่อนเพลียให้หมดไปได้      การสูดหายใจลึกๆรับเอาอณูเกลือเข้าไป สามารถช่วยให้การทำงานของปอดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกัน อณูเกลือก็จะช่วยขจัดฝุ่นละอองต่างๆที่อยู่ในทางเดินหายใจ ทำให้สามารถหายใจเอา อากาศบริสุทธิ์เข้าไปได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้มีโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ โรคไซนัส เป็นหวัด คัดจมูก คออักเสบ ไอมีเสมหะ หรือไอ 
        คุณสมบัติพิเศษอีกประการหนึ่งคือ   ช่วยลดอาการของโรคเครียด โรคนอนไม่หลับ 
 ช่วยลดความอ่อนเพลีย เมื่อยล้าที่สะสมอยู่ในร่างกายเนื่องจากการทำงานหนักใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะหรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย  

 การเข้าไปนั่งพักในถ้ำเกลือนี้เพียง 45 นาที เพื่อหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ และประจุไอออนลบอย่างเต็มที่จะเป็นการพักผ่อนอย่างล่ำลึก และช่วยเพิ่มพลังให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งการบำบัดนี้มีราคาถูกกว่าการรักษาทางยาบางชนิดและปราศจากผลข้างเคียง และยังส่งผลดีในด้านการป้องกันและเพิ่มพลังและความกระปรี่กระเปร่าต่อร่างกาย ได้อีกด้ว
  
ขั้นตอน การเข้าถ้ำเกลือ 
   การเข้าใช้บริการมีขั้นตอนง่ายๆดังนี้ คือ 
1 งดใช้อุปกรณ์ สื่อสารทุกชนิด  กรุณาฝากไว้ในที่เก็บของที่จัดเตรียมให้
2 สวมให้เสื้อผ้าที่สบายตัว ไม่อึดอัดหรือแน่น คับเกินไปจนนั่งไม่สะดวก
3 สวมหมวกคลุมผม และเปลี่ยนรองเท้า ตามที่จัดไว้ให้
4 ดื่มน้ำ อัลคาไลน์ ที่จัดเตรียมไว้ให้ก่อนเข้าใช้บริการ
5 ขณะที่อยู่ภายในถ้ำเกลือ พนักงานจะแนะนำให้ทำท่าบริหารมือเพื่อกระตุ้นลมปราณปอด  และกรุณา สูดหายใจลึกๆช้าๆ
6 ท่านสามารถที่จะนั่งพักผ่อน คลายอารมณ์และความรู้สึก เพื่อให้เกิดความสงบได้ หรืออาจนอนหลับได้เมื่อรู้สึกง่วง
เมื่อครบ 45 นาที แสงไฟจะสว่างขึ้นเพื่อให้ท่านเตรียมออกจากถ้ำเกลือได้
    อากาศภายในถ้ำเกลือนั้นจะต้องสะอาดอยู่เสมอ โดยคุณสมบัติของเกลือเองนั้นสามารถขจัดเชื้อโรคได้อยู่แล้ว และเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในอากาศ  เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้มารับบริการถ้ำเกลือ เราได้ใช้เทคโนโลยีการจัดการอากาศแบบห้องคลีนรูม หรือระบบห้องปลอดเชื้อที่ใช้ในโรงพยาบาล ภายในถ้ำเกลือจะได้รับอากาศใหม่ที่สะอาดบริสุทธิ์ เข้าสู่ภายในห้องตอลดเวลาและถ่ายเทอากาศเดิมออกไป แม้นแต่ในเวลากลางคืนที่ปิดให้บริการก็ยังคงควบคุมระดับความชื้นอยู่ตลอดเวลา ถือได้ว่ามีการป้องกันเรื่องคุณภาพของอากาศตลอด 24ชม.ทีเดียว

*เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพควรเข้าบำบัดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งจนครบ 10 ครั้ง 

* ประจุไออนลบคืออะไร อ่านต่อในบทความตอนต่อไป







วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

ภูเขาหิมาลาลัยและเกลือหิมาลายัน Himalayan Range


Himalayan Range

ภูเขาเขาหิมาลัยและ เกลือหิมาลายัน

            ในอดีตเมื่อประมาณ250ล้านปีก่อน  ได้เกิการเคลื่อนตัวเข้าหากันของแผ่นเปลือกโลก การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในครั้งนั้น มีพลังที่รุนแรงมากจนทำให้แผ่นดินบริเวณนั้นดันตัวซ้อนกันขึ้นไปมีขนาดกว้างใหญ่ มหาศาลมาก  จนกลายเป็น เทือกเขาหิมาลัย และเป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือยอดเขา    เอเวอร์เรสต์ 
 
        ขณะที่แผ่นดินเคลื่อนตัวเข้าหากัน ก็ได้พัดพาน้ำทะเลปริมาณมหาศาล ขึ้นมาด้วยและถูกทับถมเก็บไว้ภายใต้เทือกเขาแห่งนี้   โดยกระบวนการทางธรรมชาติและระยะเวลาที่ยาวนานกว่า250ล้านปี ได้ทำให้น้ำทะเลเหล่านั้นตกผลึกรวมตัวกันเป็นเกิดเป็นชั้นหินเกลือปริมาณมหาศาล และต่อมาได้ถูกค้นพบว่าเป็นหินเกลือที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่มีทั้งแร่ธาตุและพลังงานสะสมอยู่ ทั้งยังมีลักษณะและสีสันสวยงาม อันเป็นที่มาของชื่อที่ถูกขนานนามว่า เกลือหิมาลายัน เกลือสีชมพู ซึ่งมีอยู่เพียงแห่งเดียวภายใต้เทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้


บริเวณ สีแดงในภาพคือตำแหน่งของ เทือกเขาหิมาลัยในปัจจุบัน ที่มีความยาวถึง 2400 กม.อยู่ใน5ประเทศ และเป็นต้นกำเนิด
แม่น้ำสำคัญของทวีปเอเซีย หลายสายและที่ไหลมาถึงประเทศไทยคือแม่น้ำโขง

       

  

ภาพแสดงการเคลื่อนที่เข้าชนกันของเปลือกโลก เมื่อ 250 ล้านปี และเกิดเป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดของโลกขึ้น

                                                       http://en.wikipedia.org/wiki/File:Himalaya-formation.gif


ภาพของเทือกเขา หิมาลายันที่ถ่ายในประเทศ ปากีสถาน



http://pakistanihun.blogspot.com